บจก. ไฮเทคไบโอ (ประเทศไทย) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2541 โดยร่วมหุ้นกับ ประเทศจีน เพื่อขาย ปุ๋ยจุลินทรีย์ EM โดยมี “สวนในเวียง” เป็น สวนทดลอง. แต่การเจรจาเกิดปัญหาขึ้น จึงหยุดทำกิจกรรมไป

มุ่งเน้นวิจัย ในปี 2555

บจก.ไฮเทค มีความสนใจเป็นพิเศษในเรื่องความสามารถในการรักษาข้อเข่าอักเสบของลำไย. ปี 2555 บจก. ไฮเทคไบโอ จึงทำโครงการวิจัยร่วมกับ ITAP ซึ่งเป็นหน่วยส่งเสริมวิจัยของ สวทช. และได้คัดเลือกนักวิจัยจาก ม. สุรนารี เป็นผู้ทำวิจัย ตั้งแต่ต้นน้ำ จนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ ได้มาตรฐาน รับรองจาก อย. ทางด้านต้นน้ำ ม.สุรนารี ได้ส่งทีมนักวิจัยผู้เชียวชาญ 5 สาขาวิชาทางด้านเกษตรอินทรีย์ เข้ามาช่วยเหลือการปลูกลำไยแบบอินทรีย์, ส่วนกลางน้ำ จะทำการวิจัยสูตร และกระบวนการผลิต เพื่อตอบโจทย์ที่ตั้งไว้.

โจทย์งานวิจัยที่เสนอให้ ITAP พิจารณา คือทำผลิตภัณฑ์จากลำไยให้มีประสิทธิภาพการรักษาข้อเข่าอักเสบ.โดยไม่ใช้วิธีทางเคมีเพื่อสกัดเอาสารออกฤทธ์(มาทำเป็นรูปของยา).เหตุผลของการทำโครงการ

·       มีประจักษพยานชัดเจนว่าสามารถรักษาข้อเข่าอักเสบให้ขายขาดได้.

·       โรคนี้ไม่มียา(แผนปัจจุบัน)รักษาให้หายขาดได้ ส่วนใหญ่จะซื้อยามากินเองจนปวดมาก และทนต่อไม่ได้ จึงจำยอมไปหาหมอผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า,

·       โรคนี้เป็นโรคที่ไม่อันตรายถึงชีวิต แต่เป็นโรคที่เจ็บปวดและทรมาน ไม่สามารถใช้ชีวิตเหมือนคนปรกติได้. ส่วนมากกลัวการผ่าตัด จึงมักหาซื้อยามากินเอง ทั้งที่รู้และไม่รู้ว่ามีผลข้างคียงในระยะยาว.

·       ผู้ป่วยข้อเข่าอักเสบในไทยมีมากถึง 15% ของประชากรทั้งประเทศ. ทั่วโลกก็มีสถิติประมาณนี้, ยาที่ใช้ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ.

งานวิจัยสำเร็จครบถ่วนในปี 2556-7 โดยมีการ Transfer technology ให้กับ บจก.ไฮเทคไบโอ และถือสิทธิผลงานวิจัยร่วมกัน. ผลิตภัณฑ์ ชาลำไย (ทาง อย. ให้ใช้คำว่า “เครื่องดื่มลำไย” แทน) กว่าจะได้ออกสู่ตลาด ต้องผ่านการ ทดสอบต่างๆ เช่น Sensory test, ทดสอบความปลอดภัย (กับหนูทดลอง), ทดสอบกับอาสาสมัครผู้ป่วยไขข้ออักเสบ (Clinical test). ต้องใช้เงิน, เวลา, สติปัญญาของนักวิจัย จำนวนมากกว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ออกสู่ท้องตลาดและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้. ผู้บริโภคสามารถดื่มชาลำไย ได้เหมือนเครื่องดื่มทั่วไปเหมือนอย่าง ชา, กาแฟ โดยไม่มีอันตรายเหมือนกินยาแผนปัจจุบัน ซึ่งผู้ป่วยส่วนมากไม่ยอมไปหาแพทย์ หรือ ให้เภสัชกรแนะนำ. ประการสำคัญ ผู้บริโภคที่ดื่มชาลำไยอย่างต่อเนื่องเป็นเดือน การอักเสบเรื้อรังของข้อเข่าจะลดลง และค่อยๆหายเป็นปรกติ. โดยไม่ต้องผ่าข้อเข่า. ช่วยผู้ป่วยข้อเข่าอักเสบ, ลดการน้ำเข้า. ช่วยเกษตรกร. เป็นสิ่งที่บริษัทภาคภูมิใจ.

พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ในปีต่อๆมา, บริษัทได้วิจัยร่วมกับ NFI (สถาบันอาหาร) ทำผลิตภัณฑ์ ชาลิ้นจี่ (เครื่องดื่มลิ้นจี่) ออกสู่ตลาด. ลิ้นจี่ มีประโยชน์มาก ประเทศญี่ปุ่น สกัดการสารออกฤทธิ์ จากลิ้นจี่ ไปทำเป็นอาหารเสริม มีสรรพคุณมากมาย เช่น anti-aging, ต้าน UV ที่ผิว, ลดไขมันที่สะสมในอวัยวะ, ในหลอดเลือด, ทำให้การไหลเวียนของโลหิตในอวัยวะดีขึ้น, นอกจากนั้นยังสามารถต้าน Virusได้, ญี่ปุ่นได้ค้นคว้าวิจัย, ทำ Clinical test จน FDA ของ USA ให้การยอมรับ และสามารถขายเป็นอาหารเสริมได้. เช่นเดิม บริษัทไม่สนใจที่จะสกัดเอาสารออกฤทธิ์ มาทำยา แต่ยังคง concept เป็นเครื่องดื่ม ถึงแม้ประสิทธิภาพทางด้านการรักษาจะด้อยกว่าก็ตาม แต่เมื่อคำนึงถึงด้านความปลอดภัยในชีวิต ยอมทนช้าหน่อยน่าจะคุ้มกว่า.

เพื่อสังคม

บริษัทได้ริเริ่ม ทำ Community Farm เพื่อให้คนเมื่องได้สัมผัสกับชีวิตเกษตร, ได้เรียนรู้วิถีเกษตร, การเอามื้อ, การทำเกษตรอินทรีย์, ส่งเสริมเกษตรยั่งยืน (โคก-หนอง-นา).รู้จักแบ่งปัน.

หา Partner , รับทำ OEM
บริษัท ได้ลงทุนเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับงานแปรรูป ที่เหมาะสมตามผลงานวิจัย เพื่อรักษาคุณภาพ, รักษาสารออกฤทธิ์ในผลิตภัณฑ์ ให้ได้มากที่สุด.เครื่องเหล่านี้ นอกจากแปรรูปเป็นชาผลไม้ที่มีประโยชน์แล้ว ยังสามารถแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตรอื่นๆได้.  จึงรับจ้างผลิต OEM ให้กับ Marketer ต่างๆ ที่ต้องการผลิตสินค้าของต้นเอง, สามารถผลิตสินค้าจำนวนน้อยเพื่อทดลองตลาด หรือจะสงเสริมการปลูกวัตถุดิบก็สามารถทำได้ โดยมี “สวนในเวียง”. พร้อมที่จะเป็นแปลงเกษตรทดลองให้ได้ (ปลูกแบบ Organic)

การทำงานวิจัย

เข้าซอยเสริมสุข เมื่อถึง ซอย4 หลังแรกซ้ายมือ