มาตรฐานการเดินสายไฟ ก็มีส่วนสำคัญมากจุดหลักคือ ห้ามมีการตัด-ต่อสายไฟจากหัวถึงปลายสายโดยเด็ดขาด หรือ ถ้าหากต้องต่อสาย จะต้องต่อสายภายใน “กล่องพักสายแบบกันน้ำ” ห้ามตัด-ต่อสายแล้วร้อยท่อกลับเพื่อไม่ให้เห็นโดยเด็ดขาด เพราะจุดต่อนั้นจะช็อตเสียหายเมื่อมีความชื้นสูงเข้าไป ทำให้ต้องเดินสายใหม่ทั้งหมด
ผู้ใช้มักเข้าใจผิด กลัวว่า หากเกิดไฟฟ้ารั่ว หรือลัดวงจร ในมอเตอร์ AC 220V แล้วไฟดูดตาย แต่มอเตอร์ DC แรงต่ำ ไฟดูดไม่ตาย นี่เป็นการเข้าใจที่ผิด เพราะ มอเตอร์ ทั้งสองชนิด AC และ DC กินไฟจากแหล่งไฟที่เดียวกัน คือ จากไฟบ้าน 220V เพียงแต่ว่า มอเตอร์ AC นำไฟ 220V ไปใช้งานเลย ในขณะที่ มอเตอร์ DC นำไฟ 220V ไปผ่านหม้อแปลงให้เป็น 12V ดังนั้นโดยสรุป มอเตอร์ทั้งคู่ ไฟไม่ดูดตายเพราะ ตัวถังมอเตอร์ของทั้ง 2 แบบ เองก็มี “สายดิน” ไว้ป้องกันอยู่แล้ว มีความปลอดภัยสูง
มอเตอร์ Type เป็น AC กำลังสูง เหมาะกับ ประตูบ้านที่ขนาด ต่ำกว่า 8 เมตรลงมา และหากต้องการ แบตเตอรี่สำรองก็สามารถ ติดตั้ง UPS แบตเตอรี่สำรอง ได้ เช่นกัน
มอเตอร์เกียร์น้ำมัน คือ ระบบห้องเกียร์ตัวมอเตอร์ แช่อยู่ในน้ำมัน โดยใช้น้ำมันเป็นตัวหล่อลื้น ลดการสึกหรอของเกียร์ และ ระบายความร้อน ได้ดี แต่มีข้อเสีย คือ มอเตอร์ราคาแพง และต้องดูว่ามีน้ำมันรั่วหรือไม่ เพราะใช้ไปนานๆ ยางซีลกันรั่วต่างๆ หมดอายุต้องเปลี่ยน โดยมาก ระบบเกียร์ในน้ำมันจะใช้กับมอเตอร์ประตูโรงงานใหญ่ขนาด 8-15 เมตร ที่ต้องเปิด-ปิดบ่อย เช่น เปิด-ปิดมากกว่า 15 ครั้ง/ชั่วโมง
มอเตอร์ Type มีทั้งระบบน้ำมัน และแบบแห้ง โดยแบบแห้งจะใช้ จารบีพิเศษ (Molytinum – โมลิตินั่ม) ซึ่งเป็นสาร หล่อลื่นที่ ทนความร้อนได้สูงมาก (เช่นใช้ในเบรกรถยนต์) อายุการใช้งานนาน ไม่ต้องดูแลรักษา จึงเหมาะกับบ้านพักอาศัย ส่วน มอเตอร์แบบน้ำมันจะเน้นใช้กับ ประตูขนาดใหญ่ หรือที่มีการเปิด-ปิดบ่อยๆ
เอกสารที่แนบ